Sunday, January 14, 2007

midterm Paweena Fuengfoo

1. Explain the correlation of the idea that language is used as a correlation between gestures and meaning? (แสดงความสัมพันธ์ระหว่าง Gestures และ Meaning )
A. GUSTURES-----------------MEANING
B. GUSTURES--------ARRANGEMENT---------MEANING
(Morphology& Syntax)
A. gustures หมายถึง ลักษณะท่าทางที่แสดงออกมาทั้งในด้านการพูด การเขียน และเมื่อเราแสดง gustures ออกมาแล้วและรับออกมาเป็นความหมายที่แต่ละคนสามารถเข้าใจ gustures ของแต่ละชนชาติจะไม่เหมือนกันแล้วแต่จะถูกกำหนดให้ว่าท่าทางนี้มีความหมายว่าอย่างไร
B. เมื่อแสดงลักษณะท่าทางออกมาโดยมี Morphology& Syntax เป็นตัวช่วยจะทำให้ประโยคมีความสมบูรณ์มากขึ้น ไม่ซับซ้อน สามารถเข้าใจได้ง่ายขึ้น เมื่อแสดงท่าทางออกมาแล้วผ่านระบบซึ่งมี Morphology& Syntax เป็นตัวช่วยในการสื่อสาร เราก็จะได้ความหมายที่ชัดเจน
2. To understand Syntax perfectly well , we need to under the other linguistic branch ‘Morphology.’ Why is that? Can you try to analyze using the following data. (เราจะเข้าใจวิชาไวยากรณ์ได้อย่างสมบูรณ์ก็จำเป็นต้องรู้เรื่องวจีภาคเช่นกัน เพราะอะไรจึงเป็นเช่นนั้น ลองวิเคราะห์โดยอาศัยตัวอย่างที่ให้มา)
a. *Barking dogs does not bite
b. *All men is create equal
c. *How long is your feet? One foot
a. Ungramatical ต้องเปลี่ยน does เป็น do เพราะว่า ประธานเป็นพหูพจน์กริยาต้องเป็นพหูพจน์ด้วย
b. Ungramatical เพราะว่าใช้ verb ผิดต้องใช้ are ถ้าหลัง all เป็นนามพหูพจน์กริยาต้องเป็นพหูพจน์ด้วย
c. Ungramatical เพราะว่าใช้ verb ผิดต้องใช้ are แทน is เพราะ feet เป็นพหูพจน์

3. Experience of Language -----------language faculty-----------Grammar of L
- Competence / performance
- Species-specific
- Linguistic Acquisition Device—LAD
- Principles and Parameter Theory—PPT
How are these terms related ? Explain each term
Competenceคือความรู้เชิงภาษาที่สมบูรณ์แบบของเจ้าของภาษา เป็นความรู้ที่ช้อนอยู่ในสมองโดยไม่ได้นำออกมาแลกเปลี่ยนกับผู้อื่น
Performance คือ การใช้ภาษาของเจ้าของภาษาในสถานการณ์ใดสถานการณ์หนึ่งเหล่านั้นโดยการพูดหรือการเขียนโดยมีการจัดระบบเป็นฐานข้อมูลแล้วนำความรู้แสดงออกมาทางภาษาได้อย่างดี
Species-specific คือ สิ่งที่อยู่ในสมองของมนุษย์ คือ ภาษาและความรู้ทางภาษา แบ่งออกมาเป็นความรู้ทางเสียง ทางไวยากรณ์และความหมายซึ่งเป็นคุณลักษณะเฉพาะของมนุษย์เท่านั้นเพราะมนุษย์มีภาษาที่ละเอียดซับซ้อนแตกต่างจากสัตว์
- Linguistic Acquisition Device—LAD - เป็นส่วนหนึ่งของความสามารถในการเรียนรู้ที่มนุษย์ทุกคนมี ซึ่งจะกำหนดรูปแบบการเรียนรู้ต่างๆของมนุษย์สำหรับความรู้และกรอบของรูปแบบในการเรียนรู้ภาษานี่คือ “ กลไกการรับภาษา”
Principles and Parameter Theory—PPT – คุณลักษณะเฉพาะทางภาษา
มนุษย์มีกลไกการรับภาษา(ALD) ติดกับสมองมาอยู่แล้ว โดยที่ไม่ต้องเรียนรู้ภาษาอย่างจริงจัง เพราะว่าเด็กจะจัดการเรียนรู้จากสภาพแวดล้อมที่อาศัยอยู่ โดยใช้กลไกลการใช้ภาษา (LAD)
ซึ่งเป็นระบบที่เปิดกว้างพร้อมจะเข้าทุกสภาพแวดล้อมและทุกภาษา เมื่ออยู่ในสภาพแวดล้อมใดๆ ก็จะมีการปรับคุณลักษณะเฉพาะทางภาษา(PPT) ในภาษานั้น เช่น เด็กไทยที่ไปใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศตั้งแต่เด็ก เด็กก็จะปรับ(PPT)ในภาษาต่างประเทศ เมื่อปรับ PPT เข้ากับภาษาแล้วที่ตามมาก็คือ ความรู้ Competence เชิงภาษาที่สมบูรณ์แบบของเจ้าของภาษา เมื่อมี Competence แล้วก็จะทำให้การ Performance ซึ่งแสดงออกมาด้วยการ การพูดและการเขียนโดยมีการจัดระบบเป็นฐานข้อมูลและนำแสดงความรู้ออกมา และมนุษย์สามารถเรียนรู้ทางเสียง ไวยากรณ์ ความหมายของภาษาได้เพราะมนุษย์มีคุณลักษณะเฉพาะของมนุษย์เท่านั้น คือSpecies-specific

4. Compare Thai and English in the terms of the followings : (เปรียบเทียบคุณลักษณะต่อไปนี้ระหว่างภาษาไทยกับภาษาอังกฤษ)
a. Case
b. Number
c. Sentence/Phrase Structure
Case ในภาษาอังกฤษเป็นประเภททางไวยากรณ์ที่บ่งบอกว่าคำนามมีบทบาทอย่างไรและคำนามต้องมีความสัมพันธ์กับกริยาในประโยค คำนามในภาษาไม่สามารถนำมาใช้ได้จนกว่าจะเติมหน่วยคำระบุ Case เสียก่อนจึงจะนำมาประกอบเป็นประโยคได้ แต่ในภาษาไทยคำนามใน Case ของประธานไม่ต้องระบุหรือเติมเครื่องหมายใดเพราะภาษาไทยไม่มี Case เหมือนภาษาอังกฤษ
Number เป็นประเภททางไวยากรณ์ที่บ่งบอกจำพวกของคำนาม ภาษาอังกฤษแบ่งคำนามเป็นเอกพจน์กับพหูพจน์ ส่วนภาษาไทยไม่มีการแสดง Number ที่คำนาม ส่วนภาษาอังกฤษมีการแสดง Number คือแสดงว่าเป็นเอกพจน์และพหูพจน์ เช่น Cat เป็นเอกพจน์ และ Cats เป็นพหูพจน์
Phrase structure – There are 5 kinds of phrase in English
1. A noun phrase generally has a noun (or pronoun) as its main word.
2. A verb prepositional phrase has a preposition as its first word.
3. An adjective phase has an adjective as its main word.
4. An adverb phrase has an adverb as its main word.
โครงสร้างวลี
ส่วนในภาษาไทย จำแนกตามหน้าที่ออกเป็น 4 ชนิด
1. นามวลี (noun phrase) ทำหน้าที่เสมือน Nominals รวมทั้งคำที่ใช้แทนคำนาม Pronomimals และเป็นส่วนขยายของคำนาม
2. กริยาวลี (verb phrase) ได้แก่ คำกริยาสำคัญ กริยาช่วยรวมทั้งกลุ่มคำขยายกริยาอื่น
3. วิเศษณ์วลี (adverb phrase)ได้แก่ คำนามที่บอกอาการของกริยา บอกถึงกาลเวลาและสถานที่
4. อาลปวลี (vocative phrase) ได้แก่ กลุ่มคำที่ใช้เรียกขานซึ่งนิยมพูดก่อนเริ่มต้นพูด หรือสนทนา เช่น แม่จ๋า ท่านที่เคารพ
ในภาษาอังกฤษและภาษาไทยจะมี Noun phrase, verb phrase และ adverb phrase เหมือนกัน จะต่างกันที่ภาษาอังกฤษมี Prepositional phrase และ Adjective phrase ในภาษาไทยจะไม่มีวลีเหล่านี้แต่จะมี Vocative phrase แทน
Sentence ในภาษาอังกฤษแบ่งตามโครงสร้างได้ 4 ชนิด คือ
1. Simple Sentence (ประโยคความเดียว)
2. Compound Sentence (ประโยคความรวม)
3. Complex Sentence (ประโยคความซ้อน)
4. Compound Complex Sentence (ประโยคความรวม+ประโยคความซ้อน)
ประโยคในภาษาไทยเป็นประโยคที่ไม่แน่นอนตายตัวเหมือนกับภาษาอังกฤษที่มีวิภัตติปัจจัยทั้งหลาย ประโยคในภาษาไทยสามารถมีได้ทั้ง 3 แบบเหมือนภาษาอังกฤษ คือ
1. ประโยคสามัญ ( Simple Sentence)
2. ประโยคซับซ้อน (Complex Sentence)
3. ประโยคประสม ( Compound Sentence)

5. Employ any means to show clearly the concept of ‘ Constituent ’ and ‘Construction ’of the following sentence.(ใช้รูปแบบใดก็ได้เพื่อแสดงรูปแบบ Constituent และ Construction ให้ชัดเจนจากประโยคที่ยกมา )
John normally smokes cigarettes in the morning

S
NP VP

N Adv Tense V NP PP

John normally (present) smokes N P NP
Cigarettes in Det N

the morning

ประโยคนี้มี 12 Constituent 6 Construction

6. Underline the equal constituent with the underlined one. (ขีดเส้นใต้ Constituent ที่เทียบเท่ากันกับ Constituent ที่ขีดเส้นใต้แล้ว)
a. Micheal Moore wrote a book about the President George Bush and Donal Rumsfeld
b. Kenny G performed his concert in Bangkok and in Uttaradit.
c. His Majesty the King is highly regarded not only as the talented Jazz musician but also as the great scientist .


Name Paweena Fuengfoo
ID.48043020121
e-mail paweena_121@hotmail.com

No comments: